STANLY : บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) ตลาดSETกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุตสาหกรรม หมวดธุรกิจยานยนต์ ราคาพาร์5.00 บาท ทุนจดทะเบียน383,125,000.00 บาท ลักษณะธุรกิจ เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ส่องสว่างยานยนต์ ได้แก่ หลอดไฟ ชุดโคมไฟ และแม่พิมพ์ โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบโดยศูนย์วิจัยและพัฒนาของบริษัท การผลิตด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัยและประสิทธิภาพสูง ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานสากล และมาตรฐานของลูกค้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
คาดว่าผลประกอบการงวด FY 4Q19 (ม.ค. -มี.ค.20 ) ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรค COVID ไม่มากนัก โดยประเมินกำไรสุทธิที่ 522 ลบ. (-4%YoY,+13%QoQ แต่ถ้าไม่รวมกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 10 ลบ. กำไรปกติจะลดลง 2 %YoY แต่เพิ่มขึ้น16%QoQ) ถือว่าดีกว่าที่เคยคาดไว้สวนทางกับภาพรวมของอุตสาหกรรมที่มียอดการผลิตลดลงถึง 19%YoY (แต่ดีขึ้น 3%QoQ) ได้รับผลดีจากการรับรู้รายได้จากโมเดลของ Mazda ที่เปิดตัวในไทยในช่วงปลายเดือนมี.ค. (ก่อนหน้านี้ผลิตเพื่อส่งให้ขายที่ญี่ปุ่น) Model ใหม่ของรถจักรยานยนต์และรายได้จากแม่พิมพ์ที่รับรู้มากว่า 400 ลบ. โดยเราคาดรายได้อยู่ที่ 3,817 ลบ. (+1%YoY,+3%QoQ) กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 20% ใกล้เคียงกับ FY4Q18 แต่ดีขึ้นจาก 18% ใน FY 3Q1 9 ส่วนหนึ่งจากกำไรขั้นต้นของแม่พิมพ์ที่รอบนี้สูงกว่าปกติค่าใช้จ่ายใน การขายและบริหารอยู่ที่ 240 ลบ. (+5%YoY, +2%QoQ) รวมแล้วในช่วง FY19 STANLY มีรายได้อยู่ที่ 15,028 ลบ. (+3%YoY) และกำไรสุทธิ 1,917 ลบ. (-3%YoY)
แต่ข้ามมาช่วง FY1Q20 จะเห็นการชะลอตัวอย่างมาก ผลประกอบการในช่วงเดือนมี.ค.อาจจะยังไม่ได้รับผลกระทบจากโรค COVID มากนักเนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศยังคงเดินหน้าการผลิตอยู่ แต่หลังจากเข้าสู่เดือน เม.ย. พบว่ามีผู้ประกอบการหลายรายโดยเฉพาะที่เป็นลูกค้าหลักของ STANLY อย่าง Honda Mitsubishi Nissan และ Mazda ต่างมีการหยุดโรงงานไปทั้งหมดซึ่งมีบางโรงงานอาจจะขยายเวลาการหยุดต่อในเดือน พ.ค. ด้วยเนื่องจากภาวะอุตสาหกรรมที่หดตัวอย่างรุนแรงจากการประกาศพรก.ฉุกเฉินขึ้นในประเทศ รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์ในต่างประเทศต่างมีการชะลอการเปิดโรงงานไปหลายประเทศยกเว้นประเทศจีนที่เริ่มกลับมาผลิตแล้ว ทำให้ทาง STANLY เองมีการหยุดการผลิตตาม ลูกค้าไปด้วยในช่วงเดือนเม.ย. (และจ่ายเงินเดือนตามกฎหมายที่ระดับ 80%) อย่างไรก็ตามแม้ลูกค้าในกลุ่มรถยนต์จะหยุดการผลิต แต่สำหรับกลุ่ม รถจักรยานยนต์จะยังเดินหน้าผลิตต่อ (สัดส่วนรายได้ประมาณ 30%) ทำให้ในแง่กระแสเงินสดที่ใช้ในบริษัทยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก
ปรับประมาณการลงอีกครั้ง เพื่อสะท้อนการหดตัวของอุตฯจากการที่ลูกค้าหลักอย่าง Honda มีการหยุดโรงงานในเดือนเม.ย. (สัดส่วนรายได้ประมาณ 30% ของรายได้รวม) และภาพรวมอุตสาหกรรมดูไม่สดใสนัก แม้ว่าจะได้รับคำสั่งซื้อที่มีมูลค่าสูงอย่าง Mazda CX -30 เข้ามาเพิ่มก็ไม่อาจชดเชยได้หมด ทำให้เรามีการปรับประมาณการในปี 20 ลง โดยคาดรายได้ที่ 12,681 ลบ. (-16%YoY) และกำไรสุทธิ 1,453 ลบ. (-24%YoY) เดิมคาดรายได้และกำไรสุทธิที่14,580 ลบ.และ1,757 ลบ.ตามลำดับ สำหรับคำแนะนำการลงทุน STANLY เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรม แต่สำหรับระยะยาวแล้วด้วยสินค้าที่มีแข็งตรงเป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นรถยนต์แบบดั้งเดิมหรือรถไฟฟ้า ทำให้หากอุตสาหกรรมกลับมาฟื้นตัวจะเป็นโอกาสดีที่ผลประกอบการจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ตาม ดังนั้นการลงทุนใน STANLY จึงแนะนำให้ “ซื้อ” เพื่อลงทุนระยะยาวเป็นหลัก โดยแนะนำให้รอเข้าลงทุนในช่วงที่ปัญหาโรค COVID เริ่มคลี่คลาย (เราประเมินมูลค่าเหมาะสมได้ใหม่ที่ 190 บาท (10XPER’20E)