สมัยก่อนเมื่อเราจะซื้ออะไรเราต้องเก็บให้ครบตามจำนวน จึงจะซื้อแน่นอนว่าเราจะไม่เป็นหนี้แต่ก็ว่าจะได้สิ่งที่เราต้องการก็อาจต้องใช้ระยะเวลานาน ยิ่งถ้าเราซื้อของแพงมากละก็ ต้องใช้เวลานานมากในการเก็บเงิน ซึ่งเดี๋ยวนี้เราสามารถที่จะใช้บริการสินเชื่อทั้งสินเชื่อเงินสด หรือบัตรเครดิต อาจจะได้รับข้อเสนอผ่อนชำระด้วยดอกเบี้ย 0% เชื่อว่าหลายคนต้องเคย หรืออย่างน้อยต้องลังเลใจกับโปรโมชั่นการผ่อนสินค้าด้วยการคิดอัตราดอกเบี้ย 0% กับดักทางการตลาดแบบนี้ สามารถทำให้ไขว้เขวมานักต่อนัก แต่คำถามตามมาคือ ผ่อน 0% ไม่ดีตรงไหน ก็จ่ายต่อเดือนน้อยลง การที่จะใช้บริการซื้อของเงินผ่อน โดยเฉพาะการผ่อน 0% จริงๆ แล้วมีทั้งประโยชน์และข้อควรระมัดระวัง
โปรโมชั่นดอกเบี้ย 0% ตลอดสัญญาหรือแค่ชั่วคราว
โปรโมชั่นดอกเบี้ย 0% ตลอดสัญญาหรือแค่ชั่วคราว เพราะบางแบรนด์สินเชื่อจะมีกลยุทธ์ซ่อนอยู่เช่น เมื่อเราต้องการผ่อนสินค้าระยะเวลา 12 เดือน แต่ดอกเบี้ย 0% นั้นจะมีระยะเวลาแค่ 3 เดือน หรือแค่ 6 เดือน ซึ่งมักจะเจอโปรโมชั่นแบบนี้กับสินค้าที่มีมูลค่าค่อนข้างสูง หากเจอเงื่อนไขแบบนี้ต้องชั่งใจกันดีๆ ว่าเป็นสินค้าที่ต้องการจริงหรือไม่ เพราะต้องจ่ายดอกเบี้ยในช่วงหลังๆ จนกว่าจะผ่อนสินค้าหมดไป
สินค้าหรือบริการนั้นเป็นสิ่งที่ “จำเป็น” หรือไม่
ก่อนที่เรานั้นจะตัดสินใจผ่อนหรือซื้อสินค้าผ่อน 0% พิจารณาให้ดีก่อนว่า บริการหรือสินค้า นั้นเป็นสิ่งที่ “จำเป็น” หรือไม่ หากเป็นสินค้าหรือบริการที่จำเป็น เช่น ผ่อนชำระเบี้ยประกัน หรือสิ่งของเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพ ก็มีความเหมาะสม แต่หากเป็นสิ่งของฟุ่มเฟือย ซื้อเพื่อตอบสนองความอยากส่วนตัว ก็จะเป็นการเพิ่มภาระหนี้
มีวินัยในการชำระหนี้
อย่าไร้วินัย หากต้องการใช้บริการผ่อน 0% การวางแผนเรื่องการใช้เงินเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะเรื่องรายรับ ร่ายจ่าย เพราะการผ่อนสินค้า 0% หากพิจารณากันแล้วก็คือ การนำเงินในอนาคตมาใช้ก่อน ลองย้อนกลับมาดูรายได้และลองเปรียบเทียบกับรายจ่าย นั่นคือ ไม่ควรมีหนี้สินเกินกว่า 40 – 45% ของรายได้ในแต่ละเดือน
ตัวอย่างเช่นเรามีเงินเดือน 30,000 บาท หนี้สินต่อเดือนไม่ควรเกิน 12,000 – 13,500 บาท หากมีหนี้สินอื่นอยู่แล้ว ก่อนที่จะก่อหนี้ก้อนใหม่ก็ควรคำนึงว่าจะทำให้ภาระหนี้รวมเกินไปหรือไม่ เพราะเมื่อมีหนี้สูง ถึงแม้ว่าจะเป็นการผ่อนชำระที่ไม่เสียดอกเบี้ย แต่จะกระทบรายจ่ายประจำในแต่ละเดือน อาจจะทำให้ติดปัญหาสภาพคล่องได้
ซึ่งจากที่แนะนำมา ถ้าไม่อยากก่อหนี้จนเกินตัวผ่านการผ่อน 0% ก่อนอื่นควรหักห้ามใจ เราก็ควรประเมินรายได้ รายจ่ายของตัวเอง เช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าเบี้ยประกัน ค่าอาหาร ค่าน้ำมันรถ ค่าเดินทาง และค่าโทรศัพท์ เมื่อนำรายได้มาหักรายจ่าย ก็จะรู้ว่ามีเงินเหลือเท่าไหร่ ที่สำคัญต้องพยายามหมั่นฝึกการ “จดค่าใช้จ่าย” ทุกอย่างที่ใช้ เท่านี้ก็เป็นการประเมินสถานะทางการเงินเบื้องต้นได้แล้ว