SCCC : บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ตลาดSET กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจวัสดุก่อสร้าง เริ่มต้นซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อ 18 เม.ย. 2520 ราคาพาร์ 10 บาท ทุนจดทะเบียน 2,980,000,000 บาท ลักษณะธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์และปูนสำเร็จรูป ภายใต้ตราสินค้า อินทรี ทั้งในลักษณะผงและเม็ด รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวเนื่องอย่างครบวงจร
ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายปูนซีเมนต์ รายใหญ่แห่งหนึ่งในประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2512 ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2520 และจดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดมหาชนตั้งแต่ปี 2536 โดยผลิตปูนซีเมนต์ภายใต้ชื่อ “อินทรี” ปัจจุบัน ปูนซีเมนต์นครหลวง (บปน.) มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ 199 อาคารคอลัมน์ทาวเวอร์ ถนนรัชดาภิเษก เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
จากข่าวการที่ SCCC ได้ประกาศปิดสายการผลิตโรงงาน K1 คิดเป็น 13% ของกำลังการผลิตของ SCCC ในประเทศ อาจคาดการณ์ได้ว่าจะมีผลไปถึงกำไรสุทธิที่อาจจะปรับลดลง อีกทั้งผลประกอบการน่าจะได้รับผลกระทบหนักจาก COVID-19 ปัจจุบันซื้อขายบน Valuation ที่น่าสนใจคือ P/E 12.3 เท่า, EV/EBITDA 8.1 เท่า, P/BV 1.1 เท่า และ อัตราเงินปันผลตอบแทน 6.3%
SCCC ได้ออกประกาศจะปิดสายการผลิต (Mothball) โรงงาน K1 ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2563 เป็นต้นไปทั้งนี้ SCCC มีโรงงานผลิตทั้งหมด 6 สายการผลิต คือ K1 (กำลังการผลิต 4,500 ตัน/วัน) K2 (กำลังการผลิต 3,500 ตัน/วัน ซึ่งได้หยุดมานานแล้ว) K3 (กำลังการผลิต 5,000 ตัน/วัน) K4 (กำลังการผลิต 5,000 ตัน/วัน) K5 (กำลังการผลิต10,000 ตัน/วัน) K6 (กำลังการผลิต 10,000 ตัน/วัน) โดย K1 และ K2 เป็นโรงงานเก่าตั้งแต่ก่อตั้ง SCCC มาประมาณ 50 ปี แล้ว จึงมีประสิทธิภาพต่ำต้นทุนสูง การหยุดสายการผลิต K1 จะทำให้กำลังการผลิตในประเทศลดลง 13% จากปัจจุบัน
ความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศ 1Q63 คาดจะปรับลดลง 4-5%YoY และ ราคาขายคาดจะลดลง 1-2%YoY ถูกกระทบจาก Covid-19 และงบประมาณที่ล่าช้า ส่วนตลาดต่างประเทศ เวียดนามยังมีปัญหาใบอนุญาติก่อสร้าง รวมถึงมีเคอร์ฟิว ศรีลังกามีการใช้เคอร์ฟิวตั้งงแต่ 17 มี.ค. ทั้งวัน คาดยอดขาย1Q63จะปรับลดลงเหลือ 11,285 ล้านบาท (-5%QoQ, -5%YoY) และ ในไตรมาสนี้ยังมีค่าใช้จ่ายพิเศษคือ ซ่อมบำรุงเตา K5 ต่อเนื่องเดือน ม.ค. อีก 6-7 วัน มีค่าใช้จ่ายประมาณ 50 ล้านบาทและเตา K3 มีการปิดซ่อมบำรุงในเดือน มี.ค. มีค่าใช้จ่ายประมาณ 100 ล้านบาท ดังนั้น เราประเมินกำไร 1Q63 จะปรับลดลงจากปีก่อน
Covid-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในวงกว้างและรุนแรง ประเทศไทยเวียดนาม และ ศรีลังกา มีการใช้เคอร์ฟิ วต่อเนื่องถึงเดือน เม.ย. รวมถึงโรงงานในไทยได้ปิ ดสายการผลิต K1 ซึ่งเป็นโรงงานเก่า ประสิทธิภาพต่ำ ทำให้กำลังการผลิตลดลง 13% ดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการยอดขาย และกำไรปี 2563 ลง 10% และ 15% ตามลำดับ เหลือ ยอดขาย 42,834 ล้านบาท ลดลง 10%YoY และ กำไร 2,979 ล้านบาท ลดลง 6%YoY ทั้งนี้ปี 2562 มีค่าใช้จ่ายพิเศษสูงถึง 500-700 ล้านบาท ความเสี่ยง : ต้นทุนพลังงาน / ธุรกิจปูนซีเมนต์Over Supply / ความต้องการต่ำ