วางแผนการเงินเพื่อรับมือกับ อุบัติเหตุทางการเงิน หรือ ภาวะฉุกเฉิน

อุบัติเหตุทางการเงิน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันสำหรับใครหลายคน แต่ก็อาจจะเป็นภาวะที่ยากยิ่งในการรับมือสำหรับหลายคน กับภาวะที่รายรับมีไม่พอกับรายจ่าย หรือการมีรายจ่ายที่ไม่คาดฝันก้อนโตระยะสั้นเข้ามาเช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าซ่อมรถ ฯลฯ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว หากไม่มีหรือมีไม่พอ ทางออก คือ การหาสินเชื่อมาแก้ปัญหา หรือในกรณีที่รุนแรงกว่า เช่น ภาวะตกงานสูญเสียรายได้ระยะยาว อาจส่งผลกระทบไปถึงครอบครัว

การที่เราจะวางแผนการเงินเพื่อการรองรับ อุบัติเหตุทางการเงิน หรือ ภาวะฉุกเฉิน เริ่มง่ายๆ โดยการทำบัญชีบัญทึกข้อมูลทางการเงิน “เงินที่มี” และ “เงินที่ต้องการทั้งหมด” อย่างชัดเจน และเราจะสามารถมองเห็นเป้าหมายความต้องการทางการเงินที่ต้องอย่างชัดเจน แล้วก็มาหากระบวนการหาเงินและใช้เงินภายใต้กรอบการวางแผนของเรา หลังจากนั้นให้เริ่มวางแผนตามลำดับ

สร้างเงินได้เพิ่มเติมเพื่อชดเชยในส่วนที่ยังขาดแคลน เช่นในกรณีตกงาน ให้มองหาประกันสังคม กรณีเกิดภัยธรรมชาติ ให้หาโครงการช่วยเหลือของรัฐ ถ้าหาไม่ได้ ให้หาแหล่งเงินกู้ทั้งจากสถาบันการเงิน การกู้เงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีมูลค่าเงินสดแล้ว กู้จากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (ขึ้นกับเงื่อนไขของกองทุนว่ามีหรือไม่) หรือจากนายจ้างที่จัดไว้ให้เป็นสวัสดิการ ด้วยหลักการเลือกโดยเปรียบเทียบภาระการผ่อนชำระ ระยะเวลา และอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม

ทำการวางแผนการเงินโดยเป้าหมายอย่างชัดเจน กำหนดระยะเวลาทั้งระยะสั้น กลาง หรือ
ระยะยาว สร้างแผนปฏิบัติการละเอียด เช่น จะทำอะไร เมื่อใด เป็นระยะเวลานานแค่ไหน และโดยใครบ้าง ระบุแผนสำรองกรณีที่ไม่สามารถทำได้ตามแผนหลัก

หากมีเจ้าหนี้ให้ดำเนินการสื่อสารกับเจ้าหนี้ หากเราไม่สามารถหาแหล่งเงินทุนมาจัดการหนี้สินได้ครบทุกรายการ โดยให้เริ่มจากการจัดลำดับหนี้ที่มี พร้อมด้วยรายละเอียดแผนการผ่อนชำระ หรือระยะเวลาผ่อนผันที่ต้องการ รวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง และรีบติดต่อเจ้าหนี้ก่อนเสียแต่เนิ่นๆ ก่อนที่จะมีภาระค้างชำระและทำให้เจ้าหนี้หงุดหงิดจนไม่อยากจะประนีประนอมด้วย เตรียมหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าเราอยู่ในภาวะวิกฤติแค่ไหน และเดินหน้าเจรจา

สำหรับใครที่ยังไม่เจอกับปัญหาทางการเงิน หรือผ่านพ้นวิกฤตทางการเงินแล้ว ต้องมีการเตรียมแผนการรับมือสิ่งที่คาดไม่คิดในอนาคต เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง “การวางแผนในสภาวะปกติย่อมให้ผลดีกว่าการนั่งวางแผนท่ามกลางวิกฤติที่มีความกดดันและข้อจำกัดรอบตัวเต็มไปหมด”