เป็นธุรกิจที่มีความโดดเด่นในช่วงวัฏจักรเศรษฐกิจถดถอย จากการประกาศผลประกอบการปี 2562 ขี้ออกมาดีรายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 3.9 พันล้านบาท ซึ่งรายได้ทั้งปี 2562 เติบโตที่ระดับ 7% ในธุรกิจบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเติบโตโดดเด่นทั้งจากการออกผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่และการจัดกิจกรรมทางการตลาดส่วนธุรกิจเบเกอรี่ก็กลับมาเติบโต
ไวรัส COVID-19 เร่งการเติบโตยอดขายแต่ต้องระวังราคาน้ำมันปาล์มกดดัน เพิ่งจะนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2562 ที่ไวรัส COVID-19 แพร่กระจายเป็นวงกว้างส่งผลให้ยอดขายมาม่าของบริษัทเติบโตโดดเด่นถึง 13 เปอร์เซ็นต์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และคาดว่ามีโอกาสเร่งตัวขึ้นอีกในเดือนมีนาคม 2563 เนื่องจากมีการกักตุนอาหาร หากโรคระบาดควบคุมได้ช้า ก็ถือเป็นอานิสงส์เชิงวัวลากยาวไปถึง ไตรมาสที่ 2 อย่างไรก็ดีการโตอย่างโดดเด่นเป็นการดึงการบริโภคในอนาคตมาใช้ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการเติบโตของยอดขายในช่วงปีถัดไป
ซึ่งหากมองถึงความน่าสนใจในการลงทุนคือสถานะทางการเงินของบริษัทที่แข็งแกร่งเป็น Net Cash คาดการณ์ปันผลอยู่ที่ราว 2.5 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งก็สูงกว่าผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี แต่ยังมีความเสี่ยงในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวแรงผิดคาด การเปลี่ยนแปลงของราคาต้นทุนวัตถุดิบ และการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) อยู่ในตลาด SET กลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เป็นชื่อบริษัทเอกชนที่อยู่ในเครือสหพัฒน์ เป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัทเพรซิเดนท์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ของไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการผลิตและบริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) ซึ่งรับผิดชอบในด้านการตลาดและการจำหน่ายสินค้า มีวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งเพื่อผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปภายใต้เครื่องหมายการค้า “มาม่า” โดยมีสำนักงานใหญ่แห่งแรกที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และเปิดทำการโรงงานแห่งแรกที่เขตหนองแขม กรุงเทพฯ ซึ่งหลังจากการดำเนินธุรกิจปีแรกผ่านไป หุ้นทั้งหมดได้ถูกโอนไปยังผู้ถือหุ้นคนไทยซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่มาจวบจนปัจจุบัน