ปัจจุบันมีนักลงทุนหลายคนที่ชื่นชอบการซื้อขายหุ้นแบบระยะสั้น (Trading) ซึ่งอาศัยความผันผวนขึ้นลงของราคาหุ้นในช่วงสั้นๆ เป็นโอกาสในการแสวงหากำไร การลงทุนแบบนี้มีโอกาสทำกำไรได้ดีกว่าและเร็วกว่าการลงทุนระยะยาว เพียงแค่ราคาหุ้นขยับ เพิ่มขึ้นไปไม่กี่ช่องก็สามารถทำกำไรได้มากมาย แต่มองอีกด้านหนึ่งหากเกิดความผิดพลาดขึ้นมา นักลงทุน ก็มีความเสี่ยงสูงและมีโอกาสขาดทุนมากด้วยเช่นกัน ก่อนการลงทุนแบบนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่นักลงทุนจะต้องศึกษากฎ กติกา วางแผนการลงทุน และกลยุทธ์ต่างๆ อย่างละเอียดรอบคอบ กลยุทธ์การลงทุนแบบรายวันฉบับมือใหม่
เลือกหุ้น นักลงทุนที่เน้นซื้อขายระยะสั้นมักเลือกหุ้นที่จะเข้าไปลงทุนจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ ปริมาณการซื้อขายสูง และ พฤติกรรมของราคาหุ้นที่มีความผันผวนสูง ซึ่งต้องเป็นหุ้นที่มี ทั้งสองประการ เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถขายหุ้นได้ในเวลาและราคาที่ต้องการ รวมทั้งมีการ เคลื่อนไหวของราคาที่กว้างมากพอที่จะสร้างกำไรได้ในระหว่างวัน หรือนักลงทุนบางคนอาจสนใจ หุ้นที่มีราคาต่ำ เพราะต้องการเห็นการปรับตัวของราคาขึ้นในอัตราสูงๆ เลือกกลยุทธ์การลงทุน มีกลยุทธ์อยู่หลากหลายแบบสำหรับการลงทุนระยะสั้นๆ ที่จะทำกำไร (หรือขาดทุน) เช่น
Scalping
เป็นกลยุทธ์การทำกำไรโดยการเปิดและปิด การซื้อขายในช่วงสั้นๆ ทำกำไรเพียงไม่กี่จุด (ส่วนมากจะอยู่ราวๆ 5 – 20 จุด) พูดง่ายๆ คือ ทำกำไรในหุ้นนั้นทันทีที่ราคาหุ้นขยับไป ถึงจุดที่กำหนด ซึ่งหัวใจของการเทคนิคนี้ คือ “เข้าให้ไว กำไรรีบออก เน้นกำไร จุดน้อยๆ แต่บ่อยๆ”
ตัวอย่างเช่น ซื้อหุ้น AAA ที่ราคา 10 บาท ตั้งขาย 10.10 บาท (ยังไม่รวมค่าคอม) เมื่อ หุ้นขึ้นไปถึงราคา 10.10 บาท ก็ขายทำกำไร
Fading
เป็นการทำกำไรโดยการ ซื้อขายตรงข้าม กับแนวโน้ม โดยจะ “ขายหุ้น” เมื่อราคาของ หุ้นนั้นกำลังจะสูงขึ้น และ “ซื้อหุ้น” เมื่อราคา ของหุ้นกำลังจะลง ซึ่งตั้งอยู่บนสมมติฐาน ที่ว่า… ที่ผ่านมาหุ้นตัวนี้ถูกซื้อมากเกินไป (Overbought) หรือนักลงทุนมีต้นทุนไม่มาก พร้อมที่จะขายทำกำไรตั้งแต่เนิ่นๆ และแรงซื้อ ตามกำลังจะหมดลง
Momentum
เป็นการ เก็งกำไรตามกระแสและทิศทาง ของหุ้น ด้วยการพิจารณาประเด็นข่าวที่ เข้ามา แนวโน้มของหุ้น ณ เวลานั้น และ ปริมาณการ ซื้อขายว่าหนาแน่นหรือไม่ ประกอบกันไป เพื่อทำกำไรจากหุ้นที่กำลัง จะกลายมาเป็นจุดสนใจจากประเด็นต่างๆ
กำหนดจุดตัดขาดทุน
สิ่งสำคัญสุดๆ ที่ขาดไม่ได้ในการลงทุนระยะสั้นก็คือ การกำหนดจุดหยุดขาดทุน (Stop Loss) ซึ่งมีวิธีการเลือกง่ายๆ อยู่ 2 แบบ คือ เลือกจุดหยุดขาดทุนที่ยอมรับได้มากที่สุด นั่นคือ สำรวจกระเป๋าเงินของตนเองว่ารับความเสี่ยงได้ขนาดไหน หรือเลือกจุดหยุดขาดทุน ทางเทคนิคจากตัวหุ้นนั้นๆ ซึ่งต้องดูกราฟและข้อมูลประกอบ แต่ถ้าจะให้ดี… การเลือก จุด หยุดขาดทุนจะต้องดูทั้งสองด้าน ประกอบกัน ทั้งหมดนี้ คือ เทคนิคเบื้องต้นของการลงทุนแบบรายวัน ซึ่งผลจากการวิจัยของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งพบว่า… ในแต่ละปีมีนักลงทุนแบบที่ลงทุน รายวันเพียง 20% เท่านั้นที่จะได้กำไร ส่วนอีก 80% จะขาดทุนจากการลงทุน