ด้วยปัจจัยของสถาการณ์สภาพเศรษฐกิจของประเทศเราในช่วงเวลานี้ อาจจะทำให้ นักลงทุนจะต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่มีความผันผวน โดยเฉพาะสำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ยังมีประสบการณ์น้อยเมื่อเจอสถานการณ์ “หุ้นตก” อาจตกใจ เพราะฟังดูเป็นเรื่องใหญ่จนทำอะไรไม่ถูก วันนี้่เราจึงแนะนำแนวทางการสร้างภูมิคุ้มกันเมื่อหุ้นตก
ทบทวนวิเคราะห์พอร์ตการลงทุน
สิ่งแรกที่เราควรทำเมื่อพบกับปัญหาความผันผวนของหุ้นคือต้องตั้งสติให้ดี และค่อย ๆ คิดวิเคราะห์เพื่อหาทางแก้ไข ด้วยวิธีการกลับมาศึกษาข้อมูล ทำความเข้าใจหุ้นแต่ละตัวที่ตัวเองได้ถือไว้ ตั้งแต่ข้อมูลพื้นฐานในแต่ละกิจการเป็นอย่างไรบ้าง ผลประกอบการของหุ้นที่ลงทุนไปมีอัตราเติบโตหรือไม่ ทั้งในส่วนเงินผลกำไรและเงินสดจากกิจการทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว ถ้าเราเรียนรู้ ก็จะมีความเข้าใจในทิศทางของตลาดและการเปลี่ยนแปลงมากยิ่งขึ้น หรือถ้าคุณลงทุนกับหุ้นในกลุ่มกิจการประเภทเดียวกันเพียงอย่างเดียว ข้อนี้ก็อาจต้องพิจารณา เพราะถ้าหุ้นกลุ่มนั้นล้ม ทั้งพอร์ตเราก็จะล้มตามไปทั้งแผง ในภาวะที่ตลาดผันผวน การวิเคราะห์พื้นฐานหุ้นแต่ละตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องใส่ใจในรายละเอียดให้มากกว่าเดิม หากยังมีความชำนาญไม่มากพอก็สามารถปรึกษาที่ปรึกษาการลงทุนก็เป็นทางเลือกที่ดี
ติดตามข้อมูลข่าวสารด้านเศรษฐกิจสม่ำเสมอ
ในภาวะตลาดผันผวน การติดตามข่าวเศรษฐกิจหรือข่าวอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องยิ่งมีความจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน บางสถานการณ์ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องหุ้นหรือเศรษฐกิจโดยตรงก็อาจสร้างผลกระทบได้ เช่น เรื่องการเมืองภายในประเทศ ก็สามารถทำให้กระทบกับการลงทุนในภาพใหญ่ได้ หรือเรื่องดราม่าเล็กน้อยจากผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่งที่อยู่ในตลาดหุ้น แล้วกลายเป็นข้อถกเถียงในสังคมนั้น ๆ ในวันถัดมากราฟในหุ้นนั้นก็อาจจะดิ่งลงก็ได้ การลงทุนจึงไม่ใช่แค่การวิเคราะห์กราฟหรือข้อมูลพื้นฐานในการลงทุนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น การลงทุนจึงเป็นมิติที่มีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน หากเราติดตามและพยายามทำความเข้าใจบริบทสังคมและเศรษฐกิจตามไปด้วย ก็เป็นการช่วยเสริมให้เข้าใจเหตุผลที่หุ้นนั้น ๆ มีการเปลี่ยนแปลง
กระจายความเสี่ยงการลงทุนให้หลากหลายทรัพย์สิน
การลดความเสี่ยงด้วยการกระจายทรัพย์สินในการลงทุนก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพราะในยามที่ตลาดหุ้นเกิดการผันผวน ยากที่จะคาดเดาทิศทางได้ เราควรบริหารเงินลงทุนอย่างระมัดระวัง คุณอาจต้องเลือกลงทุนในรูปแบบที่ความเสี่ยงต่ำและมีเสถียรภาพมั่นคง อย่าง กองทุนรวม, พันธบัตรรัฐบาล และตราสารหนี้ เพราะการลงทุนรูปแบบเหล่านี้มีความเสี่ยงที่ต่ำกว่า และเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่ล้มได้ยาก ซึ่งต่างกับหุ้นทั่วไปที่มีความผันผวนสูงตามกลไกของตลาด แต่ก็มีข้อควรระวังสำหรับกองทุนรวม เนื่องจากกองทุนรวมมีหลากหลายประเภท คุณควรเลือกรูปแบบกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ให้หลีกเลี่ยงกองทุนที่มีการลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ หรือทองคำ เพราะมีความผันผวนสูง ก่อนพิจารณาลงทุนในกองทุนรวมก็ควรศึกษารายละเอียดให้ถี่ถ้วน
ลงทุนแบบต่อเนื่องด้วย DCA
การตัดสินใจซื้อหุ้นครั้งเดียวในจำนวนมาก อาจเป็นวิธีการที่ไม่ตอบโจทย์กับสภาวะตลาดผันผวน เพราะคุณอาจมีโอกาสที่จะสูญเสียเงินไปมหาศาลและไม่ได้อะไรกลับมาเลย หรือถ้าเจ็บน้อยสุดก็อาจได้ผลตอบแทนในแบบที่ไม่เป็นไปตามที่ใจหวัง ยังมีวิธีที่อดเปรี้ยวไว้กินหวานอย่าง “DCA” (Dollar-cost averaging) เป็นรูปแบบหนึ่งในการซื้อที่ปลอดภัยกว่า วิธีการนี้เป็นวิธีการลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน โดยเราเป็นผู้กำหนดการลงทุนเป็นงวด งวดละเท่า ๆ กัน เป็นรายเดือนหรือรายไตรมาส ซึ่งมีโอกาสขาดทุนจากการลงทุนได้น้อยกว่า เป็นการลงทุนแบบอัตโนมัติที่ตัดเรื่องอารมณ์และความรู้สึกออกไป ทำให้เราไม่ต้องเกร็งกับการขึ้นลงของราคาหุ้น แถมยังช่วยให้เรามีวินัยในการลงทุนมากขึ้นอีกด้วย
ลงทุนกับกลุ่มหุ้นที่มีความแข็งแรง
ลงทุนกับกลุ่มหุ้นที่มีความแข็งแรง เช่น SET50กลุ่มหุ้นที่มีความแข็งแรงอันดับต้นๆ และเป็นหุ้นที่กิจการมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง ไม่ว่าเศรษฐกิจจะผันผวนหรืออ่อนไหวขนาดไหน หุ้นในกลุ่มนี้จะไม่ใช่หุ้นที่ล้มก่อน ทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ยังคงเป็นหุ้นที่น่าลงทุนต่อไป การเลือกลงทุนไปกับกองทุนที่อยู่ในกลุ่ม SET50 จึงเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า อย่าเพิ่งคล้อยตามไปกับกระแสที่มาในแต่ละช่วง ว่าหุ้นตัวนี้มาต้องรีบซื้อรีบโกย ตัวไหนลงก็ขายทิ้งทันที โดยที่ตัวคุณเองก็ยังไม่รู้ศักยภาพของกิจการนั้น ๆ ก็อาจทำให้คุณแบกรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่ไหว สิ่งนี้เป็นภาวะที่อันตราย
ปรับพอร์ตให้เข้ากับสถานการณ์เศรษฐกิจ
การปรับพอร์ตให้เข้ากับสถานการณ์ก็เป็นสิ่งจำเป็นไม่แพ้กัน ท่ามกลางความผันผวน หุ้นก็มักจะมาจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจหรือเทรนด์แนวโน้มธุรกิจอยู่เสมอ เช่น ในปี 2563 ที่คาดว่าอัตราการนำเข้า รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle) เพิ่มมากขึ้น ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงานมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้น เราก็ควรพิจารณาหุ้นในกลุ่มนี้ไว้บ้างเพื่อสร้างผลกำไรให้กับพอร์ตของตัวเอง และในทางตรงกันข้ามหุ้นแบบไหนที่ไปต่อไม่ได้จริง ๆ เราก็ต้องทำการ Cut Loss หรือการตัดสินใจขายสินทรัพย์บางส่วนเพื่อป้องกันส่วนที่เหลือเอาไว้บ้าง ไม่ให้เราขาดทุนมากเกินไป หากคุณกำลังลงทุนในระยะสั้น การ Cut Loss สามารถทำได้เลยเพื่อเปลี่ยนไปลงทุนหรือซื้อหุ้นตัวอื่นแทน แต่หากเป็นการลงทุนระยะยาว อาจจะต้องใจเย็นและคอยติดตามความผันผวนให้ดีก่อนตัดสินใจทำการ Cut Loss