หุ้นที่ดีสามารถลดความเสี่ยงจากการลงทุนในระยะยาวได้นั้น จะต้องเป็นหุ้นผลตอบแทน (Capital Return) คือบริษัทที่ดีต้องมีความจริงใจกับผู้ถือหุ้น พูดง่ายๆ เมื่อมีกำไรแล้วก็ต้องแบ่งปันให้ผู้ถือหุ้น นั่นก็คือ จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น ที่สำคัญไปกว่านั้นควรจ่ายอย่างสม่ำเสมอด้วย หนึ่งในหลักปรัชญาการลงทุน 7 ประการของ จอห์น เนฟฟ์ ก็คือ หุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) คงที่ และจากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่ามีบริษัทจดทะเบียน 25 บริษัทที่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ติดต่อยาวนาน 26 ปี (ปี 2535 – 2560) แม้จะเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540, วิกฤติซับไพร์ม (Subprime Crisis), วิกฤติหนี้เสียกลุ่มประเทศยูโร หรือปัญหาทางการเมือง ธุรกิจเหล่านี้ก็ยังเติบโตแข็งแกร่ง สะท้อนถึงการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทีมงานผู้บริหารมีฝีมือ รวมถึงให้ความสำคัญกับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน
บทความนี้ ZA.IN.TH จึงมาแนะนำวิธีการดูหุ้นที่ดีหุ้นที่มีความสามารถจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ว่ามีคุณสมบัติพื้นฐานอย่างไร ที่น่าจะเข้าไปลงทุน
ผลการดำเนินงานคาดการณ์ได้ง่ายและเติบโตสม่ำเสมอ หุ้นปันผลที่ดีจะสามารถคาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานในอนาคตได้ง่าย วิธีการคือ นำตัวเลขประมาณการกำไรต่อหุ้น คูณกับนโยบายการจ่ายปันผล จะสามารถประมาณการการจ่ายเงินปันผลคร่าวๆ ได้ ผลการดำเนินงานเติบโตสม่ำเสมอ ถึงแม้ยอดขายหรือกำไรจะไม่เติบโตแบบก้าวกระโดดเหมือนบริษัทที่กำลังขยายธุรกิจ แต่ผลการดำเนินงานจะเติบโตในลักษณะค่อยเป็นค่อยไปไม่หวือหวา ที่สำคัญจะไม่ขาดทุนเลย
ประวัติการจ่ายเงินปันผลยอดเยี่ยมโครงสร้างทางการเงินเข็งแกร่ง ไม่ว่าเศรษฐกิจจะซบเซา เกิดวิกฤติ หรือขยายตัว บริษัทจะยินดีจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก โดยดูย้อนหลังไปหลายๆ ปี เพราะกระแสเงินสดเป็นตัวชี้ว่ามีความสามารถในการจ่ายเงินปันผล
หนี้สินต่ำสภาพคล่องสูง เราสามารถดูโครงสร้างหนี้สิน ด้วยการดูหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) โดยเฉพาะหนี้สินระยะสั้น หากมีเยอะๆ ก็อาจทำให้ความสามารถในการจ่ายเงินปันผลลดลง โดยส่วนใหญ่หุ้นปันผลมักมีสภาพคล่องไม่ค่อยสูง เพราะนักลงทุนซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว ดังนั้น ควรหาหุ้นปันผลที่มีมาร์เก็ตแคป(Market cap.) ใหญ่พอสมควร เพราะหากต้องการขายก็สามารถทำได้ทันที หรือหากเป็นหุ้นปันผลมาร์เก็ตแคปต่ำ ก็ควรเลือกหุ้นที่มีการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) มากกว่าเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด นั่นคือ มากกว่า 15%
ค่าเบต้า (Beta) ต่ำ เป็นปัจจัยที่ใช้เปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นกับการเคลื่อนไหวดัชนีหุ้น ถ้าเป็นหุ้นปันผลจะมีค่าเบต้าต่ำ นั่นคือ ราคาหุ้นจะผันผวนน้อยกว่าตลาด เช่น หุ้น ABC มีค่าเบต้า 0.7 เท่า หมายความว่า ถ้าดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้น 10% ราคาหุ้น ABC จะขึ้น 7% เช่นกัน ถ้าดัชนีหุ้นปรับลดลง 10% ราคาหุ้น ABC จะปรับลดลง 7%
ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหุ้นปันผล ถือได้ว่าเป็นทางเลือกเพื่อการลงทุนที่ดีในระยะยาวสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเก็บเงินปันผลไปเรื่อยๆ เพื่อเป็นเงินเก็บไว้ใช้หลังวัยเกษียณ