หุ้นบลูชิพ หรือ Blue Chip คือ หุ้นที่นักลงทุนชื่นชอบ เป็นหุ้นที่มีความมั่นคงสูง หุ้นที่เป้นธุรกิจที่มีชื่อเสียงรู้จักกันอย่างกว้างขวาง มีการผลิตสินค้าหรือบริการเป็นที่ได้รับการยอมรับของลูกค้าจำนวนมาก โดยหุ้นประเภทนี้จึงมักมีมูลค่ากิจการในตลาดสูง นั่นก็หมายความว่าความแข็งแกร่งของหุ้นประเภทนี้ คือการที่ธุรกิจสามารถทำกำไรได้ แม้ในช่วงที่เศณษฐกิจเกิดการซบเซานั่นเอง
หุ้นบลูชิพมีคุณสมบัติดังนี้คือ
– มี Market Cap ขนาดใหญ่มาก หรือดูง่ายๆ ก็คือมีมูลค่าของกิจการมากว่า 1 หมื่นล้านบาทขึ้นไป ซึ่งมักเป็นหุ้นที่อยู่ใน SET 50 อันดับแรกครับ
– มีสถานะทางการเงินที่มั่นคงแข็งแกร่ง บริษัทจะมีผลกำไรอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้น ผู้บริหารของกิจการนั้นๆ ยังมักเป็นผู้บริหาร ที่ได้รับการยอมรับว่าเก่ง มีวิสัยทัศน์ หรือเป็นผู้บริหาร ที่มีชื่อเสียงในวงกว้าง
– บริษัท มักเป็นที่รู้จัก หรือมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง สินค้าหรือบริการต่างๆ ของกิจการนั้นก็มักจะเป็นสินค้าชื่อดัง ชนิดที่ว่าเมื่อเอ่ยชื่อยี่ห้อ หรือเอ่ยสโลแกนขึ้นมานั้น ทุกคนจะต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี
– มักเป็นหุ้นของบริษัท ที่เป็นผู้นำตลาด มีความสามารถในการแข่งขันสูง หรือเป็นเจ้าตลาดนั้นๆ อยู่
การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะแปรผันตามอุปสงค์และอุปทานภายในตลาด แต่หุ้นบลูชิพเมื่อราคาของหุ้นบลูชิพปรับตัวลงถึงจุดหนึ่ง คนในตลาดจะเข้ามาซื้อหุ้นบลูชิพกันจำนวนมาก ทำให้มีอุปสงค์ที่คอยพยุงราคาไว้เสมอ หรือหากมีสถานการณ์เกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจจนกระทบกับราคาหลักทรัพย์ในตลาด หุ้นทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงผลเสียหายของหุ้นบลูชิพจะเกิดขึ้นน้อยกว่าหุ้นตัวอื่น เพราะมีนักลงทุนจำนวนมากเฝ้ารอให้ราคาลดลงเพื่อซื้อหุ้น เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้นก็จะเกิดอุปทานของนักลงทุนที่ต้องการขายออกมาเพื่อทำกำไร เพราะรู้ว่าราคาที่เหมาะสมในแต่ละช่วงควรจะอยู่ที่เท่าใด ความผันผวนของราคาหุ้นบลูชิพจึงไม่สูงเท่ากับหุ้นที่มีขนาดกลางหรือขนาดเล็ก
นอกจากความมั่นคงทางด้านราคาของหุ้นบลูชิพแล้ว นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นประเภทนี้จะได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend) อีกด้วย เพราะนักลงทุนต่างทราบดีว่า หุ้นบลูชิพนี้มีพื้นฐานมาจากธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ จึงสามารถทำกำไรได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่มีความผันผวนของผลประกอบการมากนัก ธุรกิจจึงสามารถจ่ายส่วนแบ่งกำไรหรือเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นที่เป็นนักลงทุนรายย่อยได้
คงยังไม่ลืมกันไปว่าเมื่อลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนที่นักลงทุนคาดหวังก็ต่ำลงไปด้วย หุ้นบลูชิพ ที่เป็นหุ้นที่มีความมั่นคงและเสี่ยงน้อย นั่นก็เพราะหุ้นเหล่านี้ได้เติบโตมาระยะหนึ่งแล้ว ทำให้หุ้นประเภทนี้ส่วนใหญ่มีการเติบโตไม่หวือหวา นักลงทุนจึงไม่คาดหวังผลกำไรมหาศาลจากการลงทุนในหุ้นลักษณะแบบนี้ ทางเลือกอีกอย่างหนึ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพในการลงทุน คือการลงทุนในแพลทฟอร์ม Peer-to-Business หรือ Peer-to-Peer ซึ่งเป็นการปล่อยเงินกู้โดยสามารถเริ่มต้นด้วยเงินทุนน้อยๆ ได้ สามารถกระจายความเสี่ยงการลงทุนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอกว่า เงินปันผล และอย่างที่นักลงทุนทราบกัน การนำเงินทุนไปลงทุนในเครื่องมือทางการเงินชนิดเดียวสามารถสร้างความเสี่ยงที่มากกว่า การลงทุนในเครื่องมือทางการเงินหลายๆ อย่าง ดั่งคำพูดที่ว่า