ท่ามกลางความขัดแย้งของสหรัฐอเมริกาและอิหร่านที่มีความขัดแย้งกันอย่างหนักหน่วง ด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งที่รุนแรงสนี้ นักวิชาการทางเศรษฐกิจมีความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก สงครามระหว่างอิหร่านและสหรัฐอเมริกาลุกลามจนอาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นมากกว่า 20% จากระดับปัจจุบันในช่วงไตรมาสแรก กระทบต่อเศรษฐกิจในตะวันออกกลาง กระทบต่อเศรษฐกิจในเอเชียโดยรวมจากการพึ่งพาน้ำมันดิบจากแหล่งตะวันออกกลาง
ประเด็นสำคัญมาจาก กรณีที่นายพล Qassem Soleimani ผู้นำกองทัพคนสำคัญของอิหร่าน ถูกลอบสังหารเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา ขณะเดินทางจากสนามบินนานาชาติอิรัก ในกรุงแบกแดด ซึ่งกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาก็ได้ออกแถลงการณ์ บอกว่าเป็นผู้สังหารนายพล Qasem Soleimani ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิหร่าน ด้วยเหตุผลว่าา นายพล Soleimani คือผู้ที่กำลังวางแผนโจมตีคณะทูตและเจ้าหน้าที่ของสหรัฐในอิรัก และทั่วภูมิภาค สหรัฐฯ จึงดำเนินการปฏิบัติการที่สำคัญต่อไปเพื่อปกป้องพลเมืองและผลประโยชน์ของสหรัฐฯ
ส่วนในต่างประเทศหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจค้าอาวุธมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นในทันที หลังเกิดเหตุการณ์ Qasem Soleimani ถูกลอบสังหาร โดยกองทัพของสหรัฐอเมริกา
– บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายโดรนทางการทหาร AeroVironment Inc. มูลค่าหุ้นเพิ่มสูงขึ้นถึง 6.9 เปอร์เซ็นต์
– บริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายโดรนทางการทหาร Northrop Grumman Corp. มูลค่าหุ้นเพิ่มสูงขึ้นถึง 5.4 เปอร์เซ็นต์
– ริษัทด้านอากาศยาน อวกาศ และการป้องกันประเทศรายใหญ่ของโลกสัญชาติอเมริกา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนามผู้ผลิตเครื่องบินรบ F-35 Lockheed Martin Corp. มูลค่าหุ้นเพิ่มสูงขึ้นถึง 3.6 เปอร์เซ็นต์
– บริษัทผู้ผลิตมิสไซล์และเรเดาร์ Raytheon Co. มูลค่าหุ้นเพิ่มสูงขึ้นถึง 1.5 เปอร์เซ็นต์
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์สถานการณ์ความตึงเครียดในการเผชิญหน้าระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน ค่อนข้างมีผลในเชิงลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะนักลงทุนกังวลว่าหากเกิดความไม่สงบเกิดขึ้นจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโลก 2 ทางคือ 1.ทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง และ 2.กระทบผ่านราคาน้ำมัน เพราะเมื่อราคาน้ำมันขึ้น เงินเฟ้อขึ้น เศรษฐกิจลง กลายเป็นว่าตลาดหุ้นหลายแห่งตอบรับในเชิงลบกับเรื่องนี้ แม้ว่าหุ้นน้ำมันจะได้ประโยชน์ก็ตาม จึงอาจจะทำให้ตลาดหุ้นไทยอ่อนตัวลง
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้ (TISCO ESU) มองว่ามีโอกาสค่อนข้างน้อยที่จะลุกลามไปเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 จากการนิ่งเฉยของประเทศมหาอำนาจอื่นๆ เช่นจีนและรัสเซีย แต่ก็ยังมีความเสี่ยงของสถานการณ์ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูง กรอบ 60-65 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แต่หากเกิดเหตุการณ์สู้รบในระดับรุนแรงอาจเห็นราคาทะลุไป 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในส่วนของการอุปโภคบริโภคซึ่งปัจจุบันเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ กรณีที่ราคาน้ำมันปรับขึ้นรุนแรงอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้น บล.ทิสโก้ย้ำให้นักลงทุนเลือกลงทุนอย่างระมัดระวัง โดยเน้นจัดพอร์ตด้วยหุ้นปันผลเป็นหลัก
สนพ. หรือ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน เผย กระทรวงพลังงานมีแผนการเตรียมคุมราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร จากปัจจุบันราคาดีเซล B10 อยู่ที่ 25.39 บาท/ลิตร เป็นแผนการเพื่อเตรียมบรรเทาผลกระทบประชาชนช่วงราคาน้ำมันผันผวน หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปรับตัวขึ้นจากสถานการณ์ความตึงเครียดจากขัดแย้งระหว่างสหรัฐและอิหร่าน