ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ได้ประกาศผลการคัดเลือกหลักทรัพย์ที่ใช้สำหรับคำนวณดัชนี SET100 โดยมีหลักทรัพย์เข้าใหม่ 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BGC), บมจ. เอสทีพี แอนด์ ไอ (STPI), บมจ. ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป (THG), บมจ. ทีคิวเอ็ม คอร์ปอเรชั่น (TQM) และ บมจ. วีจีไอ (VGI) วันนี้เราจึงจะมาทำความรู้จักกับ BGC กันเพื่อเป็นข้อมูลเบื้องต้นให้กับนักลงทุนมือใหม่ที่สนใจ
BGC : บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) กลุ่มอุตสาหกรรม สินค้าอุตสาหกรรม หมวดธุรกิจบรรจุภัณฑ์ ลักษณะธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม อาหาร และยา เริ่มต้นซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2561 ที่ราคาพาร์ราคาพาร์ 5.00 บาท ด้วยทุนจดทะเบียน 3,472,220,000.00 บาท คิดเป็นจำนวนหุ้นทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 694,444,000 หุ้น
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ BGC ได้แก่ บริษัท บางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) 72.00 % ถือได้ว่าเป็นบริษัทแม่ของ BGC, บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) 2.44 % บริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่นๆ, บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 1.02 %, UOB LONG TERM EQUITY FUND 1.01%
วิสัยทัศน์ บริษัทฯ มุ่งมั่นเป็นผู้นำในอาเซียนด้านการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์แก้ว รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการที่เกี่ยวข้องอย่างมีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล
พันธกิจ บริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างความพึงพอใจให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย โดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับส่วนต่างๆ ต่อไปนี้
– การเงิน สร้างผลประโยชน์และผลตอบแทนสูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
– ลูกค้า ส่งมอบสินค้าคุณภาพมาตรฐานระดับสากล พร้อมบริการที่เป็นเลิศ ในราคาที่เหมาะสม
– พันธมิตรทางธุรกิจ มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจร่วมกับพันธมิตร บนพื้นฐานของความไว้วางใจในระยะยาว
– กระบวนการทำงาน ใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยในทุกกระบวนการทำงานจากผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพ
– บุคลากร มุ่งมั่นพัฒนาบุคคลากรในองค์กร ส่งเสริมการทำงานเป็นทีมและสร้างความผูกพันต่อองค์กร ด้วยจิตสำนึกเฉกเช่นผู้ประกอบการ
ธุรกิจกลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วครบวงจร บีจีซี (BGC) หรือ บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน)ดำเนินธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้ว ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้ง ในประเทศและต่างประเทศด้วยคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน และเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพ บีจีซีจึงเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วทั้งหมด 5 แห่ง ดังนี้
– บริษัท ปทุมธานีกล๊าส อินดัสทรี จำกัด
– บริษัท ขอนแก่นกล๊าส อินดัสทรี จำกัด
– บริษัท ปราจีนบุรีกล๊าส อินดัสทรี จำกัด
– บริษัท อยุธยากล๊าส อินดัสทรี จำกัด
– บริษัท ราชบุรีกล๊าส อินดัสทรี จำกัด
นโยบายปันผล ไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นแต่ละปีไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมของบริษัทหลังหักทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯกำหนด ทั้งนี้การพิจารณาการจ่ายเงินปันผลจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานและฐานะทางการเงินของบริษัท กระแสเงินสด และภาระผูกพันตามสัญญา (เช่นการจ่ายชำระเงินคืนกู้ยืม) การสำรองเงินไว้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน แผนการลงทุนในอนาคตรวมทั้งการขยายธุรกิจ สภาพตลาด รวมทั้งปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยตั้งแต่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯก็มีการจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง
ด้านงบการเงินตามข้อมูลไตรมาส 3/2562 สามารถทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 325.01 บลจ.กสิกรไทย มีการคาดการณ์ว่ากำไรในไตรมาส 4/2562 จะปรับดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ด้วยแรงหนุนจากทั้งรายได้และอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น และได้แรงหนุนมาจากช่วง High Season ในไตรมาส 4 และประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้น และเชื่อว่า BGC จะสามารถทำกำไรการเติบโตด้านรายได้และกำไรจากธุรกิจหลักที่สูงขึ้นในปี 2563 เพราะอุปสงค์ต่อขวดแก้วนั้นมีภาพรวมที่สดใส และโรงงาน RBI ยังสามารถมีกำลังการผลิตขึ้นอีก 25%
ผลการดำเนินงานในอดีตมิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต