ดาวนภา เพ็ชรอำไพ ปัจจุบันเป็นกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) ถือหุ้น MTC มูลค่า 41,040 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,300 ล้านบาท หรือ 18.13% เป็นหญิงคนเดียวใน TOP10 เศรษฐีหุ้นประจำปี 2562 ในการจัดอันดับของวารสารการเงินธนาคาร ร่วมกับอาจารย์ประจำคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นางดาวนภา เพชรอำไพ ชาวสุโขทัย อายุ 65 ปี จบการศึกษาปริญญาตรีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พาณิชยศาสตร์และการบัญชี ปริญญาโท OKLAHOMA CITY UNIVERSITY ประเทศ USA สาขาการเงิน ประวัติการทำงานผู้ช่วยหัวหน้าส่วนบัตรเครดิต สำนักงานใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย และผู้ช่วยผู้จัดการสาขา ธนาคารกสิกรไทย
MTC บริษัทเมืองไทย แคปปิตอลจำกัด (มหาชน) กลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงิน หมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถ สินเชื่อโฉนดที่ดิน สินเชื่อส่วนบุคคลและนาโนไฟแนนซ์ ให้ลูกค้ารายย่อยที่เป็นบุคคลธรรมดาทั่วไป ผ่านสาขาของบริษัททั่วประเทศไทย แบ่งเป็นระดับชั้นคือ สาขาใหญ่ สาขาย่อย และศูนย์บริการ โดยแต่ละสาขาใหญ่จะดูและ 10 สาขาย่อย และ 10 ศูนย์บริการ
บริษัทมีการให้บริการดังนี้
– ธุรกิจให้บริการสินเชื่อทะเบียนรถ ทั้งรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และรถเพื่อการเกษตร โดยลูกค้านำสมุดคู่มือจดทะเบียนรถตัวจริงเป็นหลักประกันเพื่อขอสินเชื่อ
– ธุรกิจให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล เป็นแบบไม่มีหลักประกันแก่ลูกค้าที่มีประวัติการผ่อนชำระสินเชื่อทะเบียนรถกับบริษัทมาก่อน และมีประวัติการผ่อนชำระที่ดี
– ธุรกิจให้บริการสินเชื่อที่มีที่ดินเป็นหลักประกัน ลูกค้าขอสินเชื่อโดยการส่งมอบโฉนดที่ดินตัวจริงแก่บริษัท
– ธุรกิจให้บริการสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ เป็นการปล่อยสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันเพื่อไปประกอบอาชีพ โดยอิงจากประวัติการผ่อนชำระสินเชื่อทะเบียนรถกับบริษัท
MTC ราคาหุ้นล่าสุดอยู่ที่ 63.50 บาทต่อหุ้น (27 ธ.ค.62) โดยเมื่อดูงบการเงินเบื้องต้นของ MTC ภาพรวมมีการเติบโต ทั้งสินทรัพย์รวม ส่วนของผู้ถือหุ้น รายได้รวม กำไรสุทธิ กำไรต่อหุ้น มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ 0.41 เปอร์เซ็นต์ ข้อมูล 5 ปีย้อนหลังมีการจ่ายเงินปันผลอย่างต่อเนื่องในทุกปี ล่าสุด 2562 จ่ายปันผลจากกำไรสุทธิ 0.26 บาทต่อหุ้น
วิสัยทัศน์ MTC “เราจะดำรงความเป็นผู้นำอันดับ 1 ในธุรกิจไมโครไฟแนนซ์”
พันธกิจ MTC
– บริษัทฯ จะขยายพื้นที่การให้บริการลูกค้าให้ครอบคลุมทุกภูมิภาคของประเทศ โดยเปิดดำเนินการในรูปแบบ สาขาใหญ่ สาขาย่อย และศูนย์บริการโดยในปี 2563 จะต้องมีจำนวนสาขา 4,500 สาขา
– บริษัทฯ จะต้องมีส่วนแบ่งการตลาดมากเป็นอันดับ 1 ในแต่ละพื้นที่ที่เปิดดำเนินการ และฐานลูกค้าของ บริษัทฯจะต้องเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างน้อยปีละ 30 เปอร์เซ็นต์
– บริษัทฯ จะต้องมียอดปล่อยสินเชื่อเฉลี่ยต่อจำนวนพนักงานสูงที่สุดในธุรกิจเดียวกัน
– บริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลและการบริหารหนี้ โดยใช้ MTC Model เป็นเครื่องมือในการดำเนินงาน
– บริษัทฯ จะให้บริการที่เป็นเลิศ และ สร้างความพึงใจสูงสุดแก่ลูกค้า
Author: ผู้เชี่ยวชาญการเงินการลงทุน ซ่าอินไทย
ติดตามข่าวสารการเงินการลงทุนทุกรูปแบบได้ที่นี่
