LTF ชื่อเต็มๆ คือ “Long Term Equity Fund” หรือชื่อไทยที่รู้จักกันคือ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว ซึ่งเป็นแนวทางการลงทุนแบบหนึ่งหลายๆ คน เลือกลงทุนเพื่อการที่จะสามารถทำให้ประหยุดภาษีที่จะต้องจ่ายในแต่ละปีได้ เป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้น โดยได้รับการสนับสนุนให้จัดตั้งขึ้นมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มสัดส่วนผู้ลงทุนสถาบัน ที่เน้นการลงทุนระยะยาวในตลาดหลักทรัพย์ ช่วยให้ตลาดหุ้นของไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น เป็นกองทุนที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุนในหุ้นระยะยาว แต่ไม่มีความชำนาญด้านการลงทุนในหุ้น หรือไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอตลาดหุ้น ซึ่งเงื่อนไขง่ายสำหรับการลงทุนในกองทุน LTF คือ เข้าใจและยอมรับความเสี่ยง ลงทุนตามระยะเวลาที่กำหนด
นโยบายแต่ละกองทุน LTF
เน้นลงทุนในหุ้นสามัญที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน แต่ละกองก็จะเน้นลงทุนไปในกลุ่มที่แต่ต่างกันไปเช่น SET50 หรือแยกกลุ่มอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยแต่ละกองทุนอาจมีปันผลและไม่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลคืน
ตัวอย่างการลงทุน
สมมุติว่าเรามีเงินเดือน 30,000 บาท x 12 เดือน ก็จะได้ 360,000 บาท เราสามารถซื้อกองทุน LTF แต่ละประเภทได้สูงสุด 15% ก็เอา 360,000 x 0.15 = 54,000 บาท (ต้องไม่เกิน 500,000 บาท)
ตัวอย่างกองทุนรวม LTF ที่น่าสนใจลงทุนโค้งสุดท้ายนี้
– SCBLT2 กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส
– KFLTF50 กองทุนเปิดกรุงศรีหุ้นระยะยาว SET50
– TISCOLTF-B กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาว ชนิดหน่วยลงทุน B
– KS50LTF กองทุนเปิดเค เซ็ท 50 หุ้นระยะยาว
– JB25 LTF กองทุนเปิด JUMBO 25 ปันผล หุ้นระยะยาว
ในปี 2562 นี้เป็นปีสุดท้ายแล้วสำหรับการซื้อกองทุนรวม LTF เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี ซึ่งวันสุดท้ายในการซื้อต้องไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2562 นั่นเอง อย่างไรก็ดี กองทุนรวม LTF จะยังคงดำเนินการต่อไปเป็นปกติ ในการบริหารแบบเดิมจนครบระยะเวลาของแต่ละกองทุนที่ได้กำหนดไว้ อาจจะ 5 ปี หรือ 7 ปี ในอนาคตต้องติดตามว่าจะมีกองทุนในรูปแบบใดที่มีลักษณะคล้ายๆ กัน มาให้เราได้เลือกลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี ทางด้านผู้ที่ลงทุน RMF ยังสามารถลงทุนและรับสิทธิลดหย่อนภาษีได้ตามปกติ