ผู้คนส่วนใหญ่ไม่เคยสังเกตว่า “ตะเกียบ”ของแต่ละประเทศนั้น มีความแตกต่างกัน จะสังเกตก็แค่ลักษณะภายนอก ลวดลาย วัสดุที่ทำ ตะเกียบพลาสติก ตะเกียบไม้ ตะเกียบเหล็ก แต่ถ้าสังเกตตามที่กล่าวมาเมื่อกี้ ก็พอแยกออกได้บ้าง แต่จริงๆ แล้ว ความแตกต่างมันมีมากกว่านั้น คุณสงสัยไหมว่าตะเกียบของประเทศจีน, เกาหลี และญี่ปุ่น นั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร? ถ้าสงสัย งั้นตามไปดูกันเลยค่ะ
ตะเกียบของทั้ง 3 ประเทศนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ความแตกต่าง แต่ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจอีกด้วย
ประเพณีจีนมองว่า การใช้ตะเกียบเป็นการกางนิ้วมือหนึ่งออกเท่านั้น และต้องจับhttps://www.za.in.th/wp-admin/edit.phpในท่าถูกต้อง จะต้องถือตะเกียบไว้ตรงง่ามนิ้วหัวแม่มือกับยนิ้วชี้ ให้อีกสามนิ้วที่เหลือคอยประคองตะเกียบเอาไว้ และต้องถือให้เสมอกัน เมื่อกินอิ่มต้องเอาตะเกียบวางไว้กลางชามข้าว และยังมีข้อห้ามอื่นๆ ที่ต้องปฏิบัติ
ตะเกียบปกติของประเทศจีน จะทำมาจากไม้ มีความยาวและหนาว กว่าของญี่ปุ่น และเกาหลี แล้วทำไมต้องยาวกว่าอันอื่นๆ ก็เพราะการรับประทานของคนจีน มักเป็นครอบครัวใหญ่ เพื่อให้เข้าถึงจานอาหารที่อยู่ไกลได้สะดวก
มาต่อกันที่ตะเกียบญี่ปุ่น ความยาวนั้นขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ในการใช้ คือ การทานอาหาร และการทำอาหารเฉพาะมื้อ (แล้วแต่การใช้งาน) แต่โดยทั่วไปแล้ว ประเทศญี่ปุ่นใช้ตะเกียบที่ทำมาจากไม้ เพื่อให้ง่ายต่อการคีบข้าวที่ติดกัน และที่สำคัญ เนื่องจากชาวญี่ปุ่น เวลาทานข้าว พวกเขาจะถือชามไว้ใกล้ปาก เหตุผลนี้จึงทำให้ตะเกียบญี่ปุ่นสั้นกว่าประเทศจีน และเกาหลี
ตะเกียบญี่ปุ่นจะมีลักษณะปลายแหลม และมีร่องปลายตะเกียบ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่ช่วยในการทานอาหารหลายๆ ชนิดได้ อาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเป็นพวกปลา ปลายแหลมของตะเกียบจะช่วยให้สามารถเขี่ยก้างหรือกระดูกขนาดเล็กออกได้
สุดท้าย ตะเกียบเกาหลี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เนื่องจากเรียบ และทำจากโลหะ ซึ่งอาจทำให้คนชาติอื่นใช้งานได้ยาก หากไม่เคยลองใช้มาก่อน ทฤษฎีที่เด่นชัดว่า ทำไมตะเกียบเกาหลี เป็นโลหะ ที่ทำจากโลหะก็เพราะในอดีต ผู้ที่มีฐานะร่ำรวย ทำตะเกียบขึ้นมาจากเงิน ซึ่งกล่าวกันว่าเงินมันจะทำปฏิกิริยาจากสารพิษ (ตะเกียบเปลี่ยนสี) เพื่อขัดขวางการลอบสังหาร
ตะเกียบโลหะยังคงเป็นที่นิยมทั่วไปของผู้คนในปัจจุบัน เพราะมันทำให้รู้สึกว่า พวกเขากำลังรับประทานอาหารดเหมือนพระบรมวง
ศานุวงศ์ แต่ในปัจจุบันทำจากสแตนแลสแทนเงิน แถมยังทำความสะอาด ถูกกสุขลักษณธอีกต่างหาก
ขอบคุณข้อมูลจาก : Koreaboo
