KSL ด้านกำไรในไตรมาส 1 ปี 2563 อยู่ที่ 212 ล้านบาท ดีขึ้นทั้งการเปรียบเทียบ y-y และ q-q การดำเนินงานในไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ดีขึ้นเนื่องจากปีนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายนำส่งกองทุนอย่างปีที่ผ่านมาอีกครั้งราคาขายเฉลี่ยลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาส่งผลให้ margin อ่อนลงเหลือ 20.3 เปอร์เซ็นต์จาก 27.9 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ยอดขายอยู่ที่ 2,943 ล้านบาทไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แม้ปริมาณขายจะเพิ่มขึ้นแต่หากราคาขายเฉลี่ยลดลงอีกทั้งไตรมาสนี้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมดีขึ้นกลับมามีกำไรประมาณ 80 ล้านบาท หลังจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ bbgi ตามราคาผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้นโดยไตรมาสนี้มีรายการพิเศษลดลง 21 ล้านบาท ซึ่งสถานการณ์ถือมุมมองเป็นบวกต่อการดำเนินงานที่ได้ผลบวกจากราคาขายที่ดีขึ้นและภัยแล้งที่เกิดขึ้นอีกครั้งส่วนช่วยจากการดำเนินงานของบริษัทร่วมที่กลับมาฟื้นตัวมีกำไร
KSL : บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ธุรกิจในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม วันที่เริ่มต้นซื้อขาย 07 มี.ค. 2548 ราคาพาร์ 0.50 บาท ทุนจดทะเบียน 2,205,121,824 บาท จำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 4,410,232,619 หุ้น ลักษณะธุรกิจ บริษัท และบริษัทย่อยเเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย รวมทั้งผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่อง เช่น ไฟฟ้า เอทานอล และปุ๋ยอินทรีย์
บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) (KSL) ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายและผลพลอยได้อื่นๆ โดยมีธุรกิจน้ำตาล ซึ่งมีผลิตภัณฑ์คือ น้ำตาลทรายดิบ (Raw Sugar) น้ำตาลทรายดิบคุณภาพสูง (Very High Polarization Sugar) น้ำตาลทรายขาว (White Sugar) น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ (Refined Sugar) ธุรกิจเอทานอล ผลิตจากกากน้ำตาล (Molasses) และน้ำอ้อย เพื่อใช้ผสมกับน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า ผลิตจากกากอ้อย (Bagasses) รวมถึงก๊าซชีวภาพและพลังไอน้ำ ธุรกิจปุ๋ยอินทรีย์ ผลิตจากกากหม้อกรอง (Filter Cake)
น้ำตาล ผลิตน้ำตาลเพื่อพลังงานของมนุษย์
เอทานอล ผลิตน้ำตาลเพื่อพลังงานของมนุษย์
ไฟฟ้า ผลิตไฟฟ้าชีวมวลเพื่อพลังงานของการขับเคลื่อนเครื่องจักร และให้แสงสว่าง
ปุ๋ยอินทรีย์ ผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อพลังงานของอ้อย และเกษตรอินทรีย์
KSL : บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ได้พัฒนาจากการเป็นผู้ผลิตน้ำตาลทรายรายเล็ก ซึ่งมีศักยภาพการผลิตน้ำตาลเพียง 600 กิโลกรัมต่อวัน มาสู่การเป็นบริษัทมหาชนที่มีสถานะทางการเงินแข็งแกร่ง โดยปัจจุบัน บริษัทฯ ดำเนินกิจการโรงงานน้ำตาล 5 แห่งในประเทศไทย และอีก 2 แห่งในประเทศลาวและกัมพูชา บริษัทสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจจากผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาล ตามแนวคิดการใช้ประโยชน์จากวัตถุดิบอ้อยให้ได้มากที่สุดควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม